รีวิว Nissan Kicks
Chanotai Krajeam
Author
รถไฟฟ้า ที่ติดเครื่องปั่นไฟ
เมื่อปี 2022 คุณแม่เสนอว่าจะซื้อรถให้ และพ่อก็เล็งเป็น B-SUV Segment Hybird ซึ่งถามว่าทำไมไม่เอารถไฟฟ้าไปเลย ณ ตอนนั้นคือมีแค่ Ora Good Cat ยังไม่มี BYD เข้ามาขายเลย และก็คิดว่ายังไง Hybird ก็สะดวกกว่าเวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งในตอนนั้นก็มี Toyota Collora-Cross, Honda H-RV, Nissan Kicks, Haval JOLION
คุณพ่อสนใจระบบ Hybird ของ Nissan Kicks มากที่สุด เพราะว่าอัตราเร่งตอนต้นดีมาก ๆ เพราะมันเป็นการเอาระบบรถไฟฟ้ามาต่อกับเครื่องปั่นไฟเลย ไม่ต้องมีเกียร์ทดรอบ ทำให้ค่าบำรุงรักษาส่วนของเกียร์ไม่ได้ และก็ประหยัดน้ำมันประมาณ 20 km/l ก็ถือว่ารับได้ ถึงแม้ว่า Toyota และ Honda จะประหยัดกว่าก็จริง
แต่ส่วนตัวบูมไม่ชอบ Design ของ Nissan Kicks สักเท่าไหร่ แอบสนใจ Honda H-RV ไม่น้อย เพราะถูกจริต และมิติตัวรถก็ดูจะใหญ่กว่านิดนึงด้วย แต่ถ้ามองความคุ้มค่า ณ เวลานั้น ก็ต้องยกให้ Nissan Kicks เพราะว่า Toyota ไม่มีเบรคมือไฟฟ้า, ไม่มี Auto Break Hold, Adaptive Cruise Control ไม่ถึงจุดหยุดนิ่ง ส่วน Honda ไม่มีระบบเตือนจุดอับสายตา ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดมีใน Nissan Kicks ที่ราคาอยู่ที่ 9.5 แสน ส่วนคันอื่นคือ 1.2 ล้าน (ตอนดูรถมองเฉพาะ Trim ที่สูงสุด) ก็เลยเป็นมติว่า Nissan Kicks จะเป็นรถคันถัดไปของบ้าน
มาว่ากันด้วยเรื่องระบบ Hybird E-Power กันดีกว่า เครื่องยนต์ (เครื่องปั่นไฟ) เป็นเครื่องของ Nissan March ก็คือเครื่อง 1.2 ลิตร 3 สูบ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร (Instant Torque), 136 แรงม้า ซึ่งจากที่ใช้รถของแม่มา (Mitsubishi Attrage) ซึ่งเป็นเครื่อง 1.2 ลิตรเท่ากันขับในเมืองได้อัตราการสิ้นเปลืองแค่ 9-10 km/l เอง ทำไม E-Power ถึงประหยัดกว่าเท่าตัว ก็คงต้องมาดูกันที่การ Design Cycle ของเครื่อง คือปกติแล้วรถยนต์ที่ใช้ Internal Combustion Engine ขับเคลื่อนเนี่ย ต้องใช้ Otto Cycle ทำงาน เพราะจะได้รอบการทดที่สมเหตุสมผลกับการขับขี่ และเกียร์ ซึ่งไม่ใช่ Cycle ที่จะรีดประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ได้สูงสุด เมื่อเทียบกับการเซ็ตเครื่องยนต์ให้เป็น Atkinson Cycle ซึ่งจะสามารถรีดประสิทธิภาพการดูด-อัด-ระเบิด-คาย ได้เยอะกว่า ซึ่ง E-Power ก็เอาเครื่องยนต์ของ Nissan March มาปรับเปลี่ยนเป็น Atkinson Cycle ในบางจังหวะ ไปหมุน Power Generator เก็บพลังงานเข้าแบตเตอรี่ได้เลย และระหว่างติดไฟแดงเครื่องยนต์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำงาน หากมีแบตเตอรี่พอสำหรับการเลี้ยงระบบไฟในรถ แต่ถ้าหากแบตเตอรี่ไม่พอ เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาปั่นไฟเก็บเข้าแบตเตอรี่ ทำให้ไม่ต้องสูญเสียน้ำมันในช่วงที่ไม่ได้ใช้ไปอย่างสิ้นเปลือง แต่ Nissan ก็ไม่ได้เรียกว่าเครื่องยนต์ที่จูนนี้เป็น Atkinson Cycle ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแม้ว่าบางจังหวะจะทำตัวเป็น Atkinson Cycle ก็ตาม
ขอกล่าวถึงเรื่องช่วงล่างนิดหน่อยพอ เพราะไม่ได้มีความรู้มากมาย จะขอพูดถึงในเรื่องความรู้สึกตอนขับ เมื่อเทียบกับรถที่บ้านอีก 2 คัน ซึ่งเป็น ecocar และ PPV (SUV พื้นฐานกระบะ) คือมันเทียบกันไม่ได้อยู่แล้วแหละ แต่ Nissan Kicks เวลาขับแล้วมั่นใจที่สุดในทั้งสามคันนั้น เวลาจะขึ้นเนิน หรือเจอคอสะพานจะรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถ ถ้าเป็น PPV จะรู้สึกย้วย แต่เวลาขับข้ามจังหวัดจะรู้สึกเหนื่อยน้อยกว่าขับ Nissan Kicks ส่วน Ecocar ไม่ต้องพูดถึงขึ้นสะพานถนนราชพฤกษ์ด้วยความเร็ว 100 km/hr รถแทบจะบิน
มาพูดถึง Utility ของมันกันบ้าง เอาจริง ๆ สมัยนี้คนนิยมรถทรง Wagon, SUV มากกว่า Sedan กันเสียอีก เพราะว่ามันขนของได้สะดวก ประตูท้ายกว้าง จัดวางของรูปทรงใหญ่ ๆ ได้ถึงแม้ความจุจะไม่ต่างกับ Sedan มาก Nissan Kicks นี่ถือว่าตอบโจทย์ผมได้ดีมาก ๆ เลย ถึงแม้ว่าถ้าเทียบกับ Toyota, Honda จะมีขนาดที่เล็กกว่าเล็กน้อย แต่ก็สามารถขนสัมภาระสำหรับ 5 คนไปเที่ยวต่างจังหวัดได้สบาย แต่แน่นเต็มหลังรถเลย และสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ถึง 20 km/l เมื่อของโหลดเต็มที่เก็บสัมภาระท้ายรถ และมีผู้โดยสาร 5 คน และก็เคยเอารถคันนี้ไปช่วยเพื่อนย้ายหอซึ่งมีตู้ขนาดกลางก็ขนไปด้วยได้สบาย ๆ เคยเอารถคันนี้ไปขนตู้ขนาดประมาณ 120x60x60 2 อันก็ใส่ได้ แต่ลำบากมาก ต้องจัดวางดี ๆ โดยรวมคือชอบมาก ๆ เพราะว่าใช้รถคันนี้ทำอะไรก็ได้ ไปที่ไหนก็ได้ มีสัมภาระเยอะก็ไม่มีปัญหา
สาย tech ก็คงไม่พลาดเรื่อง function และ accessibility ในรถ Nissan Kicks รองรับทั้ง Apple Carplay และ Android Auto ใช้เป็น Navigator และเปิดเพลงด้วย Interface ของ Apple ได้เลย สะดวกมาก ๆ ยิ่งที่บ้านมีประตูรั้วที่รองรับ Smart Home (Apple Homekit) ก็สามารถกด เปิด-ปิด ประตูจากหน้าจอรถได้เลย, Digital Cockpit ฝั่งซ้ายจะเป็นการแสดงผลข้อมูลที่เราสามารถเปลี่ยนหน้าได้ว่าอยากเห็นข้อมูลอะไร ด้านขวาเป็นเข็มความเร็ว ไม่มีรอบเครื่องบอก ซึ่งเราขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่แล้ว จอด้านซ้าย สามารถบอกระดับแบตเตอรี่, ระบบ Adaptive Cruise Control, แจ้งเตือนจุดอับสายตา (ที่เสา A ก็มี ลืมบอกไปว่า Blind-spot ไม่ได้อยู่ที่กระจกนะ), สามารถแสดงผลเพลงที่กำลังเล่นอยู่ได้ด้วย เวลาเปลี่ยนเพลงก็ขึ้นข้อมูลเพลงมาให้ อันนี้ถูกใจสุด ๆ, ระบบ Adaptive Cruise Control ถือว่าทำได้ในระดับที่พอใจ สามารถชะลอเวลารถข้างหน้าเบรคได้ และมีเตือนเบรคฉุกเฉินด้วยเช่นกัน เวลาขับรถทางไกลตั้งความเร็วไว้สบายสุด ๆ แต่ควรอยู่ในช่วง 90-110 km/hr นะ ถ้ามากกว่านั้นเจอคอจะสะพานแล้วรถท่านจะบินได้
โดยรวมถือว่ารถคันนี้เป็นรถที่ถูกใจเลยทีเดียว ขนาดไม่ใหญ่ไปจนรู้สึกไม่คล่องตัว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเล็กจนนั่งไม่สบาย, เบาะกระชับเหมาะกับสรีระของผม แต่ก็ไม่ถือว่าสบายที่สุด, ขับขี่มั่นใจ และก็มีลูหเล่นเยอะ เปลี่ยนโหมดได้ตามความสภาพปารจราจร และฟิลลิ่งในการขับ ถือว่าเป็นรถ Daily Used ที่ดีคันนึงเลยครับ